คอมพิวเตอร์กลายเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก ทั้งใช้ทำงาน ทำการบ้าน หรือเล่นเกมผ่อนคลายต่างๆ อย่างไรก็ตาม การใช้คอมพิวเตอร์อาจมีผลเสียต่อสุขภาพตา เรียกว่า “โรคตาจากจอคอมพิวเตอร์ (Computer vision syndrome)” คือภาวะอาการปวด เคืองตา ภายหลังจากการใช้จอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
ปัจจบันมีผู้มีปัญหาโรคตาจากจอคอมพิวเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยมักมีปัญหา ดังนี้
1.ปัญหาปวดตาหรือเมื่อยตา เกิดจากการเพ่งใช้สายตาติดต่อกันอย่างยาวนาน
ทำให้มีอาการเมื่อยล้าจากการใช้สายตา ข้อแนะนำคือ ควรมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ
โดยทุกๆ 20-30 นาที ให้พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์
โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง
เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณครึ่งนาทีถึงหนึ่งนาที
ก่อนกลับมาทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ต่อไป
2.ปัญหาเคืองตา ปกติตาคนเราจะมีน้ำตาเคลือบผิวอยู่ตลอดเวลาเป็นการหล่อเลี้ยงตา
ช่วยในเรื่องการหักเหของแสงที่เข้าตา
ทำให้มองเห็นชัดและยังช่วยเจือจางสารที่เป็นพิษต่อตา รวมทั้งล้างออกไปด้วย
แต่ถ้าเมื่อใดน้ำตาเคลือบผิวตาได้น้อยกว่าปกติก็จะเกิดอาการตาแห้ง มีอาการแสบตา
เคืองตา ตาแดง มีตาพร่ามัวเป็นพักๆ ได้ ทำให้มีการกะพริบตาน้อยกว่าภาวะปกติ
ซึ่งควรมีการกระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้ง
หรือเมื่อรู้สึกเคืองตา แสบตา ให้หลับตาพัก 3-5 วินาที เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาจากเปลือกตาบนด้านในมาฉาบให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา
แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียม
เพื่อบรรเทาปัญหา
3.ปัญหาตามัว เป็นปัญหาที่พบในเด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์เล่นเกมมากเกินไป
ซึ่งอาจทำให้เกิดการปวดศีรษะ เมื่อยตา และทำให้มีการเพ่งตาค้าง
เกิดภาวะคล้ายสายตาสั้น คือมองไกลไม่ชัด
แต่มักเป็นอยู่เพียงชั่วคราวก็จะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น
แม้ว่าการเล่นเกมจะไม่ทำให้สายตาสั้นถาวร เพราะภาวะสายตาสั้น สายตาเอียง
หรือสายตายาวถูกกำหนดมาโดยธรรมชาติ พฤติกรรมการใช้สายตามีผลน้อยมากหรือไม่มีเลยก็ตาม
แต่ก็ควรให้เด็กเล่นแต่พอเหมาะ เพื่อสุขภาพของตัวเด็กเอง
ทั้งนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยกับสุขภาพ
มีวิธีการดังนี้
1.จัดตำแหน่งการทำงานให้เหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ ไม่มีแสงจากหน้าต่างส่องเข้าตาโดย
ตรง
โต๊ะ เก้าอี้ สูงพอเหมาะ จัดระดับของจอภาพให้อยู่ต่ำกว่าสายตาประมาณ 10-15 องศา
2.ควรมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ โดยทุกๆ 20-30
นาที ให้พักสายตาจากจอคอมพิว
เตอร์โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณครึ่งถึงหนึ่งนาที
เตอร์โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณครึ่งถึงหนึ่งนาที
3.กระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้งหรือให้หลับตาพัก
3-5 วินาทีบ่อยๆ เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตามาฉาบให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา
และอาจพิจารณาใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียม เพื่อบรรเทาอาการแสบตา
4.การใส่แว่น จะช่วยผู้ที่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสายตา
ให้ปวดเมื่อยล้าตาง่าย เช่น คนสายตาเอียง หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
ซึ่งจะมีปัญหาเวลามองใกล้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น