วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความสนใจเพื่อนต่างเพศ


             เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นธรรมชาติของวัยรุ่นจะมีความสนใจเพศตรงข้ามแตกต่างกัน
                 ความสนใจเพศตรงข้าม  บางคนเกิดขึ้นเร็ว บางคนเกิดขึ้นช้า เริ่มจากเกิดความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม มีความสนใจเพศตรงข้าม เมื่อเห็นเพื่อนต่างเพศที่ถูกใจจะรู้สึกตื่นเต้นอยากทำความรู้จัก อยากพูดคุย อยากทำความสนิทสนม พอใจที่ได้เห็น มีพฤติกรรมหลากหลายของวัยรุ่นที่เริ่มสนใจเพื่อนต่างเพศในทางชู้สาว บางคนยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่บางคนสนิทสนมกันอย่างที่เรียกว่าเป็นแฟนกัน
              การมีแฟนในวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ โดยเริ่มต้นจากรู้สึกถูกใจเมื่อได้พบเห็น อยากทำความรู้จักพูดคุย พยายามหาโอกาสพบกันบ่อย ๆ พูดคุยกันทางโทรศัพท์ ส่งของขวัญ มอบดอกไม้ให้กันในวันสำคัญ เช่น วันเกิด วันแห่งความรัก ชวนกันไปเที่ยวเป็นกลุ่ม ตามลำพัง จับมือถือแขน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ควรมีการพูดคุยถึงความเหมาะสมในพฤติกรรมเหล่านี้

  
                  
                ความขัดแย้งในเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นทุกคน เพราะคิดว่าพ่อแม่ไม่มีเหตุผล ชอบอ้างความเป็นผู้ใหญ่ที่คอยบอกกับเราว่า ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน ส่วนพ่อแม่ก็บอกว่าเราเอาแต่ใจตัวเอง    วัยรุ่นบางคนเกรงว่าผู้ใหญ่จะไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ถ้ารู้ว่าเรามีแฟน เรากำลังมีเพื่อนสนิทหรือแค่ชอบเพื่อนต่างเพศ ทำให้วัยรุ่นปกปิดไม่ให้ใครรู้ แอบชอบกัน แอบติดต่อกัน โดยไม่บอกกล่าวให้ผู้ใหญ่รับรู้ เพราะกลัวถูกห้าม ถูกกีดกันไม่ให้คบเพื่อนต่างเพศ เมื่อมีปัญหาจึงไปปรึกษาเพื่อนในวัยเดียวกัน
พ่อแม่บางคนก็รุนแรงเกินไปในเรื่องการมีแฟนในวัยเรียน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย น่าอับอาย หรือไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ลูกเริ่มมีความสนใจเพื่อนต่างเพศ  จึงพยายามปิดกั้น หรือ ไม่สามารถให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้อง  ยิ่งจะส่งผลให้วัยรุ่นมีความอยากรู้  อยากเห็น อยากลอง  พ่อแม่บางคนไม่เข้าใจว่าความสนใจในเรื่องเพศ การคบเพื่อนต่างเพศเป็นเรื่องปกติจะไปห้ามและจะไม่ให้เกิดปัญหาไม่ได้เลย  ทำให้วัยรุ่นปิดบัง ไม่ให้พ่อแม่รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่น ทำให้พ่อแม่เสียโอกาสในการที่จะรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของวัยรุ่น และปิดโอกาสที่พ่อแม่จะได้แนะนำ การวางตัวให้เหมาะสมในการคบเพื่อนต่างเพศได้อย่างเหมาะสม

        ปัญหาที่กล่าวมาจะหมดไปหากวัยรุ่นประพฤติปฏิบัติตนให้พ่อแม่ไว้วางใจ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ และผิดหวังโดยเฉพาะในด้านการเรียน การไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายก่อนวัยอันควรจึงจะทำให้พ่อแม่ยอมรับการมีแฟนในวัยเรียน

ตัวอย่างการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการคบเพื่อนต่างเพศ

1. Q: อยากได้คำแนะนำเรื่องการคบเพื่อนต่างเพศในวัยรุ่น
     A: การคบเพื่อนต่างเพศในวัยรุ่นไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหาย  แต่ควรดูความเหมาะสม  ควรอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ เช่น พ่อ แม่ ครูและญาติ  ไม่ควรอยู่กันตามลำพัง ค่านิยมของสังคมไทยยังให้ความสำคัญกับการมีศักดิ์ศรีและการรักนวลสงวนตัว โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง การคบเพื่อนต่างเพศควรมีขอบเขตในการคบหา 


2. Q: อะไรเป็นส่วนผลักดันให้วัยรุ่นปล่อยตัวปล่อยใจ
     A:  สิ่งที่ทำให้วัยรุ่นปล่อยตัวปล่อยใจก็เกิดจากความรู้สึกชอบ เกิดความลุ่มหลง  การรู้เท่าไม่ถึการณ์  ความอยากรู้อยากลอง  ความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ และการขาดทักษะในการดำเนินชีวิต


3. Q: มีปัจจัยอะไร ที่ทำให้วัยรุ่นสมัยนี้ต่างจากวัยรุ่นสมัยก่อน
    A: ก็มีอาหาร สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งสื่อต่างๆ


4. Q: การริรักในวัยเรียนผิดหรือเปล่า  
     A: การมีความรักในวัยเรียนไม่ใช่สิ่งผิด ถ้าความรักนั้นอยู่บนพื้นฐานของการมีขอบเขตที่เหมาะสม และต้องแยกให้ออกด้วยว่าความพอใจกับความรักหรือรักแท้และรักเทียมต่างกันอย่างไร น้องๆ ต้องไม่ตกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้เราเสียคน  เสียอนาคตได้


5. Q: อยากรู้จังว่ารักครั้งแรกเป็นอย่างไร 
    A: ความรักครั้งแรกของวัยรุ่นก็คือความพอใจ รู้สึกติดใจ และความหลง แต่เราจะคิดว่าเป็นความรัก ดังนั้น คนที่รักเป็นหรือมีความรักนั้น ต้องมีสติและเข้าใจความรู้สึกตนเอง 


6. Q: จะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าเราได้เสียกับแฟนในขณะที่ทางบ้านไม่รู้
    A: เมื่อเรารู้ว่าการกระทำของเราเป็นปัญหาและไม่ถูกต้อง ก็ควรหลีกเลี่ยงอย่าให้เกิดขึ้นอีกแต่ถ้าหลีกเลี่บงไม่ได้ควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์รวมทั้งการติดโรค และถ้ามีปัญหาการตั้งครรภ์ก็ควรปรึกษาทางบ้านจะดีที่สุด


7. Q: น้องท้อง แต่ต้องการจะเรียนต่อจะต้องทำอย่างไรคะ
     A: ก่อนอื่นคงต้องรีบปรึกษาผู้ปกครอง เพื่อยื่นเรื่องขอพักการเรียนชั่วคราว เมื่อคลอดแล้วก็กลับไปเรียนใหม่ หรืออาจลาออกจากโรงเรียน และเมื่อคลอดแล้วก็สามารถเข้าเรียนด้วยการสอบเทียบได้ 


8. Q: ผมนั่งคุยกับแฟนรู้สึกเกิดอารมณ์จะทำอย่างไรดีครับ
    A: ควรลุกเดินให้ออกห่างจากแฟนหรือทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองรู้สึกเจ็บ จะช่วยให้ความรู้สึกทางเพศหยุดไป


9. Q: น้องจะรู้ได้อย่างไรว่า ผู้ชายจริงใจต่อเรา
    A: เราสามารถดูได้จากความสัมพันธ์หรือความสนิทสนมที่มีต่อกัน หากผู้ชายคนนั้นจริงใจ  ต่อเราเขาย่อมให้เกียรติ  ให้ความรักและความห่วงใย มีความเปิดเผย ไม่ฉวยโอกาสหรือหวังชิงสุกก่อนห่าม  เข้าทำนองประเภท  “รักจริงหวังแต่ง


10. Q: น้องอยากให้มีคนสนใจ น้องต้องทำตัวอย่างไรคะ
      A: น้องต้องทำตัวเองให้มีเสน่ห์ เช่น มีความเชื่อมั่นในตนเอง  เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกของผู้อื่น รูปร่างหน้าตาต้องน่าสนใจ ลักษณะท่าทางรวมทั้งการแต่งกายเหมาะสมที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ มีความสามารถในการพูดและมีทักษะในการฟัง การสนทนาที่ดี


3 ปัญหาโรคตาจากการใช้คอมพิวเตอร์


      คอมพิวเตอร์กลายเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก ทั้งใช้ทำงาน ทำการบ้าน หรือเล่นเกมผ่อนคลายต่างๆ อย่างไรก็ตาม การใช้คอมพิวเตอร์อาจมีผลเสียต่อสุขภาพตา เรียกว่า โรคตาจากจอคอมพิวเตอร์ (Computer vision syndrome)” คือภาวะอาการปวด เคืองตา ภายหลังจากการใช้จอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
      
    ปัจจบันมีผู้มีปัญหาโรคตาจากจอคอมพิวเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยมักมีปัญหา ดังนี้
       
        1.ปัญหาปวดตาหรือเมื่อยตา เกิดจากการเพ่งใช้สายตาติดต่อกันอย่างยาวนาน ทำให้มีอาการเมื่อยล้าจากการใช้สายตา ข้อแนะนำคือ ควรมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ โดยทุกๆ 20-30 นาที ให้พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณครึ่งนาทีถึงหนึ่งนาที ก่อนกลับมาทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ต่อไป
       
        2.ปัญหาเคืองตา ปกติตาคนเราจะมีน้ำตาเคลือบผิวอยู่ตลอดเวลาเป็นการหล่อเลี้ยงตา ช่วยในเรื่องการหักเหของแสงที่เข้าตา ทำให้มองเห็นชัดและยังช่วยเจือจางสารที่เป็นพิษต่อตา รวมทั้งล้างออกไปด้วย แต่ถ้าเมื่อใดน้ำตาเคลือบผิวตาได้น้อยกว่าปกติก็จะเกิดอาการตาแห้ง มีอาการแสบตา เคืองตา ตาแดง มีตาพร่ามัวเป็นพักๆ ได้ ทำให้มีการกะพริบตาน้อยกว่าภาวะปกติ ซึ่งควรมีการกระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้ง หรือเมื่อรู้สึกเคืองตา แสบตา ให้หลับตาพัก 3-5 วินาที เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาจากเปลือกตาบนด้านในมาฉาบให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียม เพื่อบรรเทาปัญหา
       
        3.ปัญหาตามัว เป็นปัญหาที่พบในเด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์เล่นเกมมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการปวดศีรษะ เมื่อยตา และทำให้มีการเพ่งตาค้าง เกิดภาวะคล้ายสายตาสั้น คือมองไกลไม่ชัด แต่มักเป็นอยู่เพียงชั่วคราวก็จะกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น แม้ว่าการเล่นเกมจะไม่ทำให้สายตาสั้นถาวร เพราะภาวะสายตาสั้น สายตาเอียง หรือสายตายาวถูกกำหนดมาโดยธรรมชาติ พฤติกรรมการใช้สายตามีผลน้อยมากหรือไม่มีเลยก็ตาม แต่ก็ควรให้เด็กเล่นแต่พอเหมาะ เพื่อสุขภาพของตัวเด็กเอง
       
     ทั้งนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยกับสุขภาพ มีวิธีการดังนี้
       
        1.จัดตำแหน่งการทำงานให้เหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ ไม่มีแสงจากหน้าต่างส่องเข้าตาโดย
ตรง โต๊ะ เก้าอี้ สูงพอเหมาะ จัดระดับของจอภาพให้อยู่ต่ำกว่าสายตาประมาณ 10-15 องศา
       
        2.ควรมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ โดยทุกๆ 20-30 นาที ให้พักสายตาจากจอคอมพิว 
เตอร์โดยมองไปบริเวณพื้นที่กว้างหรือนอกหน้าต่าง เพื่อลดการเพ่งของสายตาประมาณครึ่งถึงหนึ่งนาที
       
       3.กระพริบตาประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้งหรือให้หลับตาพัก 3-5 วินาทีบ่อยๆ เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตามาฉาบให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา และอาจพิจารณาใช้ยาหยอดตาชนิดน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียม เพื่อบรรเทาอาการแสบตา
       
     4.การใส่แว่น จะช่วยผู้ที่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสายตา ให้ปวดเมื่อยล้าตาง่าย เช่น คนสายตาเอียง หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีปัญหาเวลามองใกล้



การคบเพื่อนต่างเพศ



  การสนใจเพศตรงข้ามเป็นธรรมชาติของวัยรุ่น การที่วัยรุ่นจะคบเพื่อนต่างเพศไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในสังคมปัจจุบัน 

     ลักษณะการคบเพื่อนต่างเพศ 
  - คบแบบเพื่อน 
  - คบแบบคู่ควงหรือคู่รัก 

           อายุระหว่าง 14-16 ปี เด็กชายจะเริ่มสนใจผู้หญิง บางคนเริ่มจับคู่กัน วัยรุ่นชายและหญิงต้องการการตอบสนองทางเพศแตกต่างกัน 

              การคบกันแบบคู่ควงหรือคู่รักความรักระหว่างหญิงชาย มักเริ่มต้นจากความรู้สึกชอบพอกัน 
อารมณ์รักที่เกิดขึ้นจะทำให้ทั้งคู่รู้สึกคิดถึงกัน อยากเห็นหน้าและต้องการพูดคุยใกล้ชิดกันตลอดเวลา แต่อารมณ์รักของหญิงและชายก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันอยู่ไม่น้อย เพราะธรรมชาติสร้างผู้ชายและผู้หญิงให้มีความแตกต่างกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ และนั่นเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

              ความรักเป็นเหตุให้ชายและหญิงต้องการอยู่ใกล้ชิดกัน ได้นั่งพูดคุย หยอกล้อ สบตากันปิ๊งๆๆ 
อยากสัมผัสมือกัน จูงมือเดินคุยกันกระหนุงกระหนิง เมื่อสัมพันธภาพแน่นแฟ้มมากขึ้น ก็เปลี่ยนจากการจับมือเป็นโอบไหล่ กอดคอ ในช่วงแรกๆ การพบกันทุกครั้งยังอยู่ในที่เปิดเผย เพราะฝ่ายหญิงอาจจะยังไม่แน่ใจในฝ่ายชายมากนัก แต่เมื่อความรักดำเนินการไปถึงขั้นไว้วางใจ ทั้งคู่จะเริ่มรู้สึกว่าต้องการมีเวลาอยู่กันตามลำพังโดยไม่มีเพื่อนๆ คอยขัดคอหรือถูกแซวเวลาจีบกัน 

          การนัดพบเป็นกลุ่มจึงเปลี่ยนเป็นการนัดพบกันตามลำพังสองต่อสองในที่ลับตาคนมาก ฉะนั้น เราต้องดำเนินชีวิตอยู่เพื่อค้นพบในสิ่งที่ดีกว่าเดิม ไม่จมกับอดีตนานเกินไป เมื่อเราค้น พบความสำเร็จ ความลงตัวในชีวิตที่แท้จริง เราจะรู้ว่าประสบการณ์ครั้งเก่าก่อน สอนให้เราต่อสู้ชีวิตได้มากทีเดียว สิ่งที่เราเคยคิดว่าเราสูญเสียไปกับความรักที่ทำให้เราอกหัก แท้จริงไม่ได้มากอย่างที่เราคิดเลย 
ขึ้น เพราะทั้งคู่เริ่มต้องการความเป็นส่วนตัวที่จะสามารถจู๋จี๋กันได้อย่างสนิทใจ แบบไม่มี ก-ข-ค โดยไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อยว่าความใกล้ชิดประกอบกับความพึงพอใจ และความแตกต่างระหว่างชายหญิงจะเป็นบันไดที่นำไปสู่ความรักซึ่งเป็นความปรารถนาที่ซ่อนเร้นของมนุษย์ที่กำลังตกอยู่ในความรัก

วัยรุ่นกับการอกหัก          
     มีวัยรุ่นหลายคนที่เคยพบกับปัญหาถูกแฟนหรือคนรักตีจาก ต้องพกพาความเศร้าเสียใจ ความชอกช้ำระกำใจ ร้องไห้ฟูมฟายว่าตนเองกลายเป็นคนอกหัก ถูกแฟนหรือคนรักหมดรัก ทอดทิ้ง และกล่าวโทษตนเองว่าไม่ดีพอ ไม่สวย ไม่น่ารัก จึงไม่สามารถพิชิตใจคนรักไว้ได้ กล่าวโทษคนรักว่าเขาไม่ดี หลายใจ มากรัก ไม่ซื่อสัตย์ ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นคนดี ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้เขาทั้งหมด เป็นต้น

สรุปวิธีการแก้ปัญหา
1.การคบเพื่อน ต่างเพศไม่ว่าในลักษณะหรือรูปแบบใดก็ตาม ควรระวังตัวมากกว่าปกติ เพราะมีธรรมชาติแตกต่างจากเพศเดียวกับตน การปฏิบัติต่อกันจนเกินเลย เช่น ถูกเนื้อต้องตัวหยอกล้อ
      2.เมื่อมีปัญหาความไม่เข้าใจกัน อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพศไม่ราบรื่น ควรพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
        3.ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจะมั่นคงและยืนนานได้ต้องแสดงความจริงใจ และเปิดเผยตรงไปตรงมา             
             4. การเคารพในสิทธิและให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญที่วัยรุ่นควรปฏิบัติ
             5.การยอมรับความแตกต่างระหว่างเพศจะช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของกันและกัน สามารถช่วย
ให้ปรับตัวเข้าหากันได้ดีขึ้น
           6.เมื่อเพื่อนมีปัญหา เกิดความทุกข์ มีความเดือดร้อน หรือไม่สบายใจต้องแสดงความเห็นใจช่วยปลอบโยน เพื่อให้คลายความกังวล
      7.การปฏิบัติและวางตนในฐานะเพื่อนที่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยสร้างสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นยืนนาน