ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมหรือพัฒนาโปรแกรม มีขั้นตอนโดยสังเขปดังนี้
1. การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ (Problem Analysis and Requirement Analysis)
2.การกำหนดและคุณสมบัติของโปรแกรม (Specification)
3. การออกแบบ (Design)
4.การเขียนรหัสโปรแกรม (Coding)
5.การคอมไพล์ (Compilation)
6.การทดสอบการทำงานของโปรแกรม (Testing)
7.การจัดทำเอกสาร (Documentation)
8.การเชื่อมต่อ (Integration)
9.การบำรุงรักษา (Maintenance)
ข้อตกลง : ขั้นตอนทั้งหมดข้างต้นเป็นขั้นตอนสำหรับการพัฒนาโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ที่นำไปใช้จริง
สำหรับการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมเบื้องต้นของนักเรียน จะเรียนรู้เพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น ได้แก่ ขั้นวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ ขั้นการออกแบบ
ขั้นการเขียนรหัสโปรแกรม และ ขั้นการทดสอบการทำงานของโปรแกรม
|
1.การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ (Problem
Analysis and Requirement Analysis)
เป็นการแยกแยะรายละเอียดของปัญหาและความต้องการออกเป็นส่วนย่อยๆ
ให้ครอบคลุมการทำงานของโปรแกรมที่ต้องการเขียนทั้งหมด เพื่อให้เห็นถึงองค์ประกอบ
ความสัมพันธ์ ความต้องการ และแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องอย่างครบถ้วน
2.การออกแบบ (Design)
เป็นการออกแบบวิธีการแก้ปัญหา
โดยการกำหนดขั้นตอน ทิศทาง รูปแบบการทำงานของโปรแกรม ผลลัพธ์ของโปรแกรม
วิธีการประมวลผลและสูตรสมการต่างๆ การนำเข้าข้อมูล
การกำหนดตัวแปรให้สอดคล้องกับข้อมูล การเลือกใช้โปรแกรมภาษา
ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานของโปรแกรมเป็นไปอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การออกแบบสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมได้แก่ การเขียนขั้นตอนวิธี
(Algorithms) การเขียนผังงาน (Flowcharts) และการเขียนรหัสลำลอง (Pseudo Code)
3.การเขียนรหัสโปรแกรม (Coding)
เป็นการเขียนรหัสโปรแกรมลงในโปรแกรมภาษาที่เลือกไว้
ตามวิธีการที่ได้ออกแบบไว้แล้ว
โดยใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำการติดตั้งโปรแกรมภาษาเอาไว้พร้อมที่จะทำการลงรหัสโปรแกรมและทดสอบความถูกต้องของโปรแกรม
4.การทดสอบการทำงานของโปรแกรม (Testing)
เป็นการทดสอบผลการทำงานของโปรแกรมว่ามีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพหรือไม่
การทดสอบทำได้โดยการป้อนค่าต่างๆ ตามที่โปรแกรมกำหนด แล้วสังเกตผลลัพธ์ที่ได้
หากพบว่าผลลัพธ์ไม่ถูกต้องก็ย้อนกลับไปแก้ไขรหัสโปรแกรม หากพบว่าไม่มีประสิทธิภาพ
เช่น โปรแกรมทำงานช้า โปรแกรมไม่ครอบคลุมความต้องการก็อาจย้อนกลับไปแก้ไขรหัสโปรแกรมหรือออกแบบวิธีการแก้ปัญหาใหม่
สำหรับการทดสอบนั้นจะต้องป้อนทั้งข้อมูลด้านบวก (ข้อมูลที่โปรแกรมต้องการ)
และข้อมูลด้านลบ (ข้อมูลที่โปรแกรมไม่ต้องการ)
ภาษาโปรแกรม
ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะหรือรูปแบบการเขียนที่คล้ายๆ
กันและแตกต่างกัน การเลือกภาษาโปรแกรมหรือภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาเขียนโปรแกรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย
ๆ อย่าง เช่นนโยบายของบริษัท, ความเหมาะสมของโปรแกรมกับลักษณะงานที่จะถูกนำไปใช้, การเข้ากันได้กับโปรแกรมอื่น ๆ, หรืออาจเป็นความถนัดของแต่ละคน
ภาษาโปรแกรมที่มีแนวโน้มในการนำมาเขียนมักเป็นภาษาที่มีคนที่สามารถเขียนได้ทันที
หรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ภาษาอื่น
เช่นต้องการเน้นประสิทธิภาพในการทำงานของโปรแกรม
ก็อาจจำเป็นต้องหานักเขียนโปรแกรมขึ้นมาจำนวนหนึ่งซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในภาษาโปรแกรมที่ต้องการ
และต้องมีคอมไพเลอร์ที่รองรับภาษาเหล่านั้นด้วย
ตัวอย่างโปรแกรมภาษาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
เช่น C++,Visual C#, Visual Basic, Delphi, Java, Java Script, PHP,
ASP, Flash Action Script, HTML, XML เป็นต้น
หมายเหตุ : สำหรับการเรียนรู้ของนักเรียน
ครูกำหนดให้นักเรียนใช้โปรแกรมภาษา C# เป็นหลัก
ภาษาซีชาร์ป (C# Programming Language) เป็นภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุทำงานบนดอตเน็ตเฟรมเวิร์ก พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งมี Anders Hejlsberg เป็นหัวหน้าโครงการ โดยมีรากฐานมาจากภาษาซีพลัสพลัสและภาษาอื่นๆ
(โดยเฉพาะภาษาเดลไฟและจาวา) โดยปัจจุบันภาษาซีซาร์ปเป็นภาษามาตรฐานรองรับโดย ECMA และ ISO
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น